สวนสัตว์ในประเทศไทย มีสัตว์ต่างๆมากมายหลายร้อยชนิดให้ได้เที่ยวชม ซึ่งการพาลูกไปเที่ยวถือเป็นการเสริมสร้างทักษะทั้ง 7 ให้ลูกน้อยได้อย่างดีจากประสบการณ์จริง ที่สำคัญยังเป็นการเรียนรู้ที่สนุกสนานและตื่นตาตื่นใจสุดๆอีกด้วย แต่ถ้าจะพูดถึงสวนสัตว์อันดับต้นๆหนึ่งเดียวในไทย ที่มีสัตว์หาดูยากจากทั่วโลก รวมถึงเจ้าขนปุยขอบตาดำให้ได้ชม ไปที่ไหนก็คงไม่เจอนอกจาก สวนสัตว์เชียงใหม่ แห่งเดียวเท่านั้น

สวนสัตว์เชียงใหม่มีสัตว์น้อยใหญ่หลายพันชีวิตให้เที่ยวชม และมีกิจกรรมต่างๆให้เจ้าตัวเล็กได้สนุกและเรียนรู้ไปพร้อมๆกันในพื้นที่กว่า 630 ไร่ นอกจากนี้ยังมีสัตว์แปลกหาชมยากที่เดินทางจากทั่วโลกมาอวดโฉมให้ได้ชมกันด้วย ซึ่งวันนี้เราจะพาไปชมกันแบบจุใจถึง 7 ชนิดเลยค่ะ

เริ่มกันที่ขวัญใจเด็กๆจากแอฟริกา เหล่าตัวการ์ตูนจากมาดาร์กัสการ์ในแบบตัวเป็นๆที่พร้อมให้หนูสัมผัสอย่างใกล้ชิด เช่น “เจ้ายีราฟ ม้าลาย ฮิปโป นกกระจอกเทศ” ซึ่งเด็กๆสามารถป้อนอาหารให้สัตว์เหล่านี้ได้ด้วยนะคะ

ส่วนทางเนปาลขอส่ง “เจ้าแรดอินเดีย” หนึ่งเดียวในประเทศไทยเข้าประกวด แรดเป็นสัตว์ที่มีประสาทตาที่ไม่ดี แต่มีประสาทการดมกลิ่น และการได้ยินที่ดีเยี่ยม” บางครั้งมันจึงมีนิสัย ขี้โมโห และ หงุดหงิดง่าย แรดมีร่างกายที่แข็งแรงเป็นสัตว์บกที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ถ้าเด็กๆอยากบึกบึนแข็งแรง เหมือนรถถังหุ้มเกราะแบบนี้ ต้องทานอาหารที่มีประโยชน์ และดื่มนมเป็นประจำนะคะ

ต่อมาเราจะพบกับ “พี่เสือจากัวร์” มาดเข้มจากป่าอเมซอน ประเปรียว ว่องไว แม้จะดูคล้ายเสือดาว แต่เสือจากัวร์จะมีร่างกายที่แข็งแรง และมีกล้ามเนื้อมากกว่า ถึงขนาดสามารถล่าจระเข้เป็นอาหารได้เลยนะคะ แบบนี้ต้องชวนเด็กๆออกกำลังกายเป็นประจำ จะได้แข็งแรงว่องไวแบบพี่เสือจากัวร์

และพบกับความน่ารักของ “เพนกวิน ฮัมโบลด์” จากแอฟริกาใต้ ลองชวนเจ้าตัวเล็กสังเกตดูสิคะ ว่าเพนกวินที่รูปร่างหน้าตาเหมือนนกแต่ทำไมบินไม่ได้ มีส่วนไหนของร่างกายที่ต่างจากนกบ้าง เช่น ปีกที่มีลักษณะคล้ายกับครีบปลา หรือเท้าที่เป็นพังผืดคล้ายเป็ด ทำให้เพนกวินบินไม่ได้ แต่ว่ายน้ำได้ดีค่ะ

จากนั้นเราจะได้พบกับสัตว์ที่หลายคนเข้าใจผิด คิดว่าเป็นหมี คือ “น้องโคอาล่า” จากออสเตรเลีย ซึ่งจริงๆแล้วโคอาล่าคือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีกระเป๋าหน้าท้องจำพวกพอสซัมนั่นเอง เด็กๆอาจจะสงสัยว่าทำไมโคอาล่าอยู่นิ่งๆ ไม่ขยับตัว อย่าลืมเฉลยให้เขาฟังนะคะว่า โคอาล่าเป็นสัตว์ขี้เซา มันจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอนนั่นเอง

ตามมาติดๆด้วยเจ้าป่าสีทอง “สิงโต” จากแอฟริกาก็พร้อมอวดความน่าเกรงขามและดุดันให้เด็กๆชมกันด้วยค่ะ โดยเจ้าป่าตัวนี้มีอาวุธร้ายกาจที่ใช้ในการล่าอาหาร ลองชวนเด็กๆสังเกตดูสิคะว่าอาวุธของเจ้าป่าคืออะไร

และปิดท้ายกันด้วยขวัญใจมหาชน พี่หมีแพนด้า ขาใหญ่ประจำสวนสัตว์เชียงใหม่ “ช่วงช่วง” และ “หลินฮุ่ย” ทูตสันถวไมตรีจากประเทศจีนนั่นเองค่ะ โดยอาหารหลักของแพนด้าคือไผ่ ซึ่งให้พลังงานน้อยมากๆ ทำให้ในแต่ละวันเจ้าแพนด้าจะใช้เวลาไปกับการกินถึง 16 ชม. ทุกคนจึงสามารถชมความน่ารักของเจ้าแพนด้าขณะกินอาหารได้อย่างใกล้ชิด รับรองว่าน่ารักถูกใจเด็กๆแน่นอนค่ะ

นอกจากนี้สวนสัตว์เชียงใหม่ยังมีกิจกรรมสนุกๆและสัตว์อีกมากมายให้ได้ชมกันด้วย เช่น “สวนนกนครพิงค์” ที่เด็กๆจะได้ฝึกการสังเกตและฟังเสียงนกร้อง ทั้งนกท้องถิ่น และนกต่างประเทศหลายสิบชนิด เช่น นกชนหิน นกกาบบัว เหยี่ยวชนิดต่าง ๆ รวมถึงนกกลางคืน เช่น นกเค้าใหญ่พันธุ์เนปาล นกทึดทือพันธุ์เหนือ ซึ่งมีจำนวนมากถึง 1,500 ตัวเลยที่เดียวค่ะ

และ “เชียงใหม่ซู อควาเรียม” หรือส่วนแสดงสัตว์น้ำที่จะพาเด็กๆ ด่ำดิ่งไปสู่โลกใต้ทะเล เรียนรู้ความแตกต่างของสัตว์น้ำหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม เพลิดเพลินไปตลอดทางกับอุโมงค์ใต้น้ำที่ยาวที่สุดในโลกด้วยนะคะ

เต็มอิ่มกับการชมสัตว์ชื่อดังจากทั่วโลก และได้สนุกไปกับกิจกรรมที่ช่วยฝึกทักษะของลูกน้อยให้พัฒนาขึ้น ทั้งจากการมองเห็น การฟังเสียง การสัมผัส และการเคลื่อนไหว สวนสัตว์เชียงใหม่จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่แสนสนุกสุดคุ้มค่าในการพาลูกเที่ยว รับรองว่าเพิ่มความสุข สร้างการเรียนรู้ และพัฒนาประสาทสัมผัสให้เจ้าตัวเล็กได้อย่างดีแน่นอนค่ะ